บทความต่อไปนี้ตีพิมพ์ใน Facebook ของ "หมอแดน แปลดาว" ตั้งแต่ 22 ตุลาคม 2559 เวลา 13:04 น.
ตอนที่ 1) ปรากฏการณ์ดาราเรียงรายและการเกิดแผ่นดินไหว
Planetary Alignment and earthquakes(惑星の配列による地震) Part I
จาก VTR ของ youtube ที่หมอแดนได้คัดสรรมาให้ชมก่อนหน้านี้เราได้ปูพื้นฐานกันไว้แล้วว่า
Everything in the creation has a certain frequency at which it vibrates. Different sounds or different energies come out of different things depending on what they’re made of and how big they are.
สรุปได้ว่าคลื่น ไม่ว่าคลื่นเสียง คลื่นน้ำ รวมถึงคลื่นของเทหวัตถุบนท้องฟ้า ถ้าความถี่ตรงกัน เฟสตรงกัน มันจะเสริมกัน และแรงขึ้นเรื่อยๆ คลื่นสั่นสะเทือนที่ตรงกันนี้เมื่อแปลงออกมาในรูปของ “เส้นกราฟคลื่นความถี่” จะพบว่าสมมาตรกัน คลื่นดังกล่าวนี้แหละ ถ้ามีอะไรเข้าไปกระทบมันจะรวมพลังกันเปล่งเสียงร้องออกมาได้ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงในโลกวิทยาศาสตร์
ใครที่เคยอ่านนิยายกำลังภายในของจีนว่าด้วยกระบี่วิเศษอาจเคยได้ยินว่า เมื่อจอมยุทธ 2 คนประมือกันกระบี่วิเศษของเขาทั้งสองจะเริ่มสั่นสะเทือนจนในที่สุดก็หวีดร้องออกมาได้ราวกับกระบี่นั้นมีชีวิต คนที่ไม่เข้าใจในหลักการเชิงวิทยาศาสตร์นี้อาจปรามาสนักประพันธ์ว่าไร้สาระโม้เป็นควุ้งเป็นแควคงมีแต่ในจินตนาการ แต่แท้ที่จริงแล้วนักประพันธ์เหล่านี้คือผู้ที่มีภูมิรู้สูงมากจึงสามารถผูกเรื่องราวของคลื่นเรโซแนนซ์ผสานเข้ากับจินตนาการอันโลดโผนของตนออกมาเป็นนวนิยายที่น่าติดตาม
แม้ในการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องก็เขียนถึงดาบวิเศษสองเล่มที่เมื่ออยู่ใกล้กันจะร่วมกันกรีดร้องขึ้นได้ ชาวญี่ปุ่นรู้จักปรากฏการณ์นี้ดีและตั้งชื่อปรากฎการณ์นี้ว่า “เคียวเมอิ” (共鳴)ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Resonance” (เรโซแนนซ์) นั่นเอง (โปรดติดตามโพสท์ถัดไป, つづく)
ตอนที่ 2) ปรากฏการณ์ดาราเรียงรายและการเกิดแผ่นดินไหว Planetary Alignment and earthquakes(惑星の配列による地震)Part II
เรโซแนนซ์ คือ ความถี่สั่นพ้อง วัตถุทุกชนิดรวมทั้งโลกเรามีความถี่เรโซแนนซ์อยู่ แต่ละวัตถุอาจมีหลายความถี่ได้แล้วแต่รูปร่าง ขนาด น้ำหนัก ฯลฯ แต่จะมีความถี่หนึ่งที่แรงที่สุด และถ้าวัตถุนั้นถูกกระตุ้นด้วยความถี่เรโซแนนซ์เดียวกันของอีกวัตถุหนึ่งมันจะสั่นแรงขึ้นเรื่อยๆ
อารมณ์เหมือนนักร้องโอเปร่าเสียงซูปราโนที่ร้องเพลงไต่ระดับเสียงสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง ณ ย่านเสียงหนึ่งที่มีคลื่นความถี่ตรงกับคลื่นความถี่ของวัตถุข้างเคียง เช่น แก้วน้ำที่วางอยู่ใกล้ๆ ก็สามารถก่อให้เกิด “ความถี่สั่นพ้อง” ส่งผลให้แก้วแตกได้ในที่สุด
เทหวัตถุบนท้องฟ้าเช่นดาวเคราะห์น้อยใหญ่แต่ละดวงก็เช่นกัน ขณะที่มันโคจรเหนือโลกล้วนปล่อยคลื่นความถี่ออกมาตลอดเวลารวมทั้งโลกก็ปล่อยคลื่นความถี่ออกมาด้วย เมื่อใดที่เทหวัตถุบนฟ้าหลายๆ ดวงโคจรมาสร้างมุมสัมพันธ์กับโลกในระนาบที่เหมาะสมย่อมเกิดคลื่นความถี่ตรงกัน เฟสตรงกัน และย่อมเสริมแรงสั่นสะเทือนกันขึ้นก่อให้เกิดเป็นพลังขับเคลื่อนมหาศาลและสันนิษฐานว่าสิ่งนี้แหละที่ทำให้โลกเราเกิด “แผ่นดินไหว” หรือภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นได้ การที่ดาวเคราะห์น้อยใหญ่โคจรมาจนได้ระนาบกับโลกแบบนี้ หมอแดน แปลดาวขอตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ว่า “#ดาราเรียงราย” หรือ #planetary #alignment
ในระดับ topography ของประเทศที่เป็นเชิงมหภาคคลื่น resonance จากปรากฎการณ์ “ดาราเรียงราย” จะก่อให้เกิดความเสียหายหนักเช่น “แผ่นดินไหว” หรือ “ภูเขาไฟระเบิด” ได้ ประสาอะไรกับในระดับ “จุลภาค” ที่เป็นชีวิตของปัจเจกชนหรือ “เจ้าชะตา” แต่ละคนเล่า เมื่อใดที่ดวงดาวในBirth chart หรือผังจักรราศีดวงเกิดของตัวท่านมีดาราเรียงรายทำมุมสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญแล้วล่ะก็ เมื่อนั้นกลุ่มดาวดาราน้อยใหญ่พวกนี้ทั้งดาวศุภเคราะห์และดาวบาปเคราะห์ย่อมสามารถก่อให้เกิด “คลื่นความถี่สั่นพ้อง” ขึ้นได้ในวันใดวันหนึ่ง ณ วันดังกล่าวนั้นแหละมักจะเป็นวันที่ significant มากหรือส่งผลกระทบสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อเจ้าชะตาคนนั้นถึงขั้นขีวิตแตกหักได้ทีเดียว
ในภาพคือดวงเมืองญี่ปุ่น เวลาเกิดของญี่ปุ่นยุคนี้คือปีพ.ศ.2532 ยึดตามปีที่เปลี่ยนรัชสมัยเข้าสู่ปีเฮเซของจักรพรรดิ์องค์ปัจจุบันเราจะพบว่าเมื่อวานนี้วันที่ 21 ต.ค. 2559 ขณะเกิดแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางที่จังหวัดทตโทริเหนือเมืองฮิโรขิมาขึ้นไปทางแนวทะเลญี่ปุ่นนั้นได้เกิดปรากฏการณ์ “ดาราเรียงราย” ขึ้นได้แก่ ดาวจรที่แสดงไว้ด้วยสีม่วงคือ ดาวพฤหัส (5), ดวงอาทิตย์ (1), ดาวพุธ (4) ,ดาวศุกร์ (6) ,ดาวเสาร์ (7) และดาวอังคาร (3) ส่วนเลข (8) คือ “ราหู” นับเป็นจุด Node ไม่ถือเป็นดาวแต่อย่างใด คราใดที่เทหวัตถุบนท้องฟ้าเรียงรายกันมาทำมุมสัมพันธ์กันจนส่งคลื่นความถี่เฟสเดียวกันออกมาแล้ว ย่อมโน้มนำให้เกิดความถี่พ้องเรโซแนนซ์อันเป็นพลังงานอย่างหนึ่งออกมาและน่าจะมีผลต่อการเกิดแผ่นดินไหวในโลกเราอย่างมีนัยสำคัญ
เหล่าเทหวัตถุจะฟอร์มตัวกันสร้างปรากฎการณ์ดาราเรียงรายขนานใหญ่ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2019-2020 ช่วงโตเกียวโอลิมปิคส์พอดีจึงอาจคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นหรือไม่ที่ญี่ปุ่นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
(โปรดติดตามโพสท์ถัดไป, つづく)